หลังไม่กี่วันที่ผ่านมา “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ผ่านมรสุมที่ยากลำบาก กับการพ่ายจุดโทษให้ “เรอัล มาดริด” ในศึกการแข่งขัน “ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก” ไปแบบน่าเเสียดาย โดยนักเตะบางคนลงเล่นเต็มเวลา 120 นาที ส่งผลให้มีความล้าทางร่างกาย ที่มากกว่าสโมสร “เชลซี” อย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งรูปเกมในการแข่ง “แมนฯ ซิตี้” ปะทะ “เชลซี” ในรอบรองชนะเลิศ “FA CUP” ก็เป็นฝั่งที่เชลซีทำผลงานได้ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นการทำเกมบุก การลุ้นทำประตู หรือแม้แต่รูปเกมโดยรวม ที่จบครึ่งแรกแมนฯ ซิตี้ ไม่สามารถยิงตรงกรอบได้เลย ต่างจากเชลซีที่ยิงตรงกรอบได้มากกว่าเห็นได้ชัด
แถมยังมีจังหวะหลุดเดี่ยวของ “นิโคลัส แจ็คสัน” ในนาทีที่ 30 ซึ่งใครเห็นก็ว่าเข้าเป็นประตูอย่างแน่นอน แต่เจ้าตัวก็ตัดสินใจพลาด เลี้ยงหลบหามุมจนไม่มีช่องให้ยิง! นอกจากนี้ยังมีโอกาสอีกหลายครั้ง ในครึ่งเวลาแรก แต่ก็ต้องยอมรับเลย “สเตฟาน ออร์เตก้า” ประตูอันดับ 2 ของแมนซิตี้ ทำผลงานได้เป็นอย่างดี เซฟตลอดทั้งเกม
จนครึ่งเวลาหลัง ก็มีเหตุการณ์ดราม่าเกิดขึ้น ในนาทีที่ 55 “โคล พาลเมอร์” ตัวความหวังของเชลซีได้โอกาสยิงฟรีคิก ในระยะสำคัญ และจากภาพช้าจะเห็นได้ว่า บอลไปโดนแขนของ “แจ็ค กรีลิช” ในกรอบเขตโทษ!!! แต่ผู้ตัดสินและทางห้อง VAR ปล่อยผ่าน ไม่ได้ให้เป็นจุดโทษแต่อย่างใด
เกมก็ดำเนินต่อมาจนถึงช่วงเวลา 10 นาทีสุดท้าย ก็ได้มีประตูแรกและประตูเดียวเกิดขึ้นจนได้ ในนาทีที่ 84 จากผลงานของ “แบร์นาโด ซิลวา” ยิงบอลยัดเข้าไปอยู่ก้นตาข่าย กลายเป็นชัยชนะให้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ รอเจอกับผู้ชนะในเกม “โคเวนทรี ซิตี้” ปะทะ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด”
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่นี่ : https://www.thairath.co.th/sport/eurofootball/otherleague/2779762