ยุทธวิธีทีมยอดนิยมในพรีเมียร์ลีก: 4-3-3, 4-2-3-1 และแผนอื่นๆ ที่ต้องรู้

ยุทธวิธีทีมยอดนิยมในพรีเมียร์ลีก: 4-3-3, 4-2-3-1 และแผนอื่นๆ ที่ต้องรู้

สำหรับแผนยอดฮิตในพรีเมียร์ลีกยุคนี้ คงต้องยกให้ 4-3-3 กับ 4-2-3-1 ที่เราเห็นกันตลอดเวลาดู ผลบอลพรีเมียร์ลีก แผนเหล่านี้ไม่ใช่แค่แผนยอดนิยมที่ใครมาคุมก็ต้องใช้ตามกันไป แต่มันได้สะท้อนวิธีคิดและสูตรสำเร็จของโค้ชแต่ละคนอย่างชัดเจน ระบบ 4-3-3 เหมาะกับทีมที่ชอบครองบอลและเพรสสูง ใช้กองหน้าสามตัวถ่างแนวรับคู่แข่ง เพื่อเปิดพื้นที่ให้มิดฟิลด์กับฟูลแบ็กดันขึ้นมาทำเกม ส่วน 4-2-3-1 เน้นคุมจังหวะแดนกลาง ใช้ double pivot ยืนหน้าเซ็นเตอร์คุมโซน แล้วให้เบอร์ 10 กับตัวรุกด้านข้างเคลื่อนที่เล่นระหว่างไลน์นั่นเอง

จุดแข็งและจุดอ่อนของแผน 4-3-3 , 4-2-3-1 ในฟุตบอลพรีเมียร์ลีก

แผนระบบ 4-3-3 นั้นเด่นเรื่องการครองบอล บุกนวดต่อเนื่อง และบีบแดนสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าแนวรับกับกองกลางห่างกันเกินไป หรือฟูลแบ็กเติมสูงแล้วโดนตัดเสียบอล ก็เสี่ยงโดนเจาะช่องระหว่างไลน์และโดนสวนกลับรวดเร็ว ขณะที่ 4-2-3-1 จะมีความยืดหยุ่นกว่า โดยใช้ double pivot ที่ช่วยปิดหน้ากรอบและคุมแดนกลาง ทำให้ตัวรุกเล่นอิสระขึ้น แต่ถ้า pivot ถอยต่ำเกินหรือเน้นเกมรับอย่างเดียว ทีมจะขาดตัวเชื่อมเกม ขึ้นบอลช้า และกลายเป็นการตั้งรับมากกว่าคุมเกม ซึ่งภาพแบบนี้เราเห็นได้บ่อยใน ผลบอลพรีเมียร์ลีก

ทีมในพรีเมียร์ลีกใช้แผนอะไรกันบ้าง?

ทีมในพรีเมียร์ลีกใช้แผนอะไรกันบ้าง?

แม้หลายทีมจะเริ่มจากระบบแผนคล้ายๆ กัน แต่พออยู่ในมือโค้ชย่อมทำทีมคนละสไตล์ รายละเอียดจะไม่เหมือนกัน และนี่คือแผนของกุนซือทั้งอดีตและปัจจุบันของ พรีเมียร์ลีก

  • Pep Guardiola – เริ่มจาก 4-3-3 หรือ 4-2-3-1 แต่ใช้แกนหลัก positional play แบ่งสนามเป็นโซนและจำกัดจำนวนผู้เล่นในแต่ละโซน เพื่อให้ทีมสร้างมุมผ่านบอลที่ดีที่สุด พร้อมรีอินเวนต์แผนตลอดเวลา ทั้งการใช้ false 9, inverted full-back หรือจัดทีมให้กลายเป็น 3-2-4-1 ตอนครองบอล ช่วงหลัง เป๊บ ได้ปรับให้ทีมเล่นดุดันมากขึ้น เน้นแย่งบอลแล้วบุกเร็ว
  • Jürgen Klopp – ใช้ 4-3-3 ที่ปีกสามารถหุบเข้ามาเล่นคล้ายกองหน้าตัวแถวสอง เปิดพื้นที่ให้ฟูลแบ็กเติมสูง ผสมกับแนวทาง Gegenpressing คือเพรสทันทีหลังเสียบอลแทนการถอยกลับไปตั้งรับ ทำให้ลิเวอร์พูลยุคเขาเล่นสไตล์แนวเมทัล ดุดัน เปลี่ยนจากรับเป็นรุกแบบสุดมันส์
  • Arne Slot – ขยับลิเวอร์พูลออกจาก 4-3-3 แบบ Klopp มาสู่ 4-2-3-1 ที่เน้นคุมเทมโปมากขึ้น โดยใช้ double pivot ยึดแดงกลางให้มั่น แล้วปล่อยให้หมายเลข 10 กับตัวริมเส้นสลับตำแหน่งกันเพื่อสร้าง overload ในโซนกลาง ส่วนการเพรสเน้น “ดักล้วงบอล” ล่อให้คู่แข่งจ่ายบอลเข้าสู่โซนที่ทีมเตรียมเข้าแย่ง มากกว่าจะวิ่งเพรสบีบตรงๆ
  • Roberto De Zerbi – เลือกใช้ 4-2-3-1 ที่เน้น build-up จากหน้าประตู โดยใช้ double pivot ยืนต่ำๆเพื่อล่อให้คู่แข่งเพรสบีบสูง หลังจากนั้นจะหาช่องจ่ายทะลุไลน์หรือออกด้านข้างไปยังฟูลแบ็กที่มีพื้นที่ เมื่อทีมครองบอลเต็มระบบ โครงสร้างจะขยับกลายเป็นประมาณ 2-3-5 เพราะฟูลแบ็กดันสูง และหมายเลข 10 ขึ้นไปยืนรอในกรอบเขตโทษ
  • Enzo Maresca – เริ่มจาก 4-3-3 หรือ 4-2-3-1 แล้ว “พับแบ็กขวาเข้ากลาง” ให้ตอนครองบอลกลายเป็นโครง 3-5-2 เน้นการครองบอล การหมุนตำแหน่งต่อเนื่อง และการ counter-press หนักทันทีที่เสียบอล สไตล์โดยรวมสะท้อนอิทธิพลจากทั้ง Guardiola และ Arteta อย่างชัดเจน

วิวัฒนาการยุทธวิธีในพรีเมียร์ลีก จากบอลยาวสู่เกมเพรสและครองบอล

วิวัฒนาการยุทธวิธีในพรีเมียร์ลีก จากบอลยาวสู่เกมเพรสและครองบอล

เดิมทีพรีเมียร์ลีกเน้นบอลโยนยาว เกมเร็ว และการปะทะกันตรงๆ แต่ตอนนี้หลายทีมเริ่มให้ความสำคัญกับโครงสร้างของเกม การครองบอล การเพรส และการใช้พื้นที่อย่างเป็นระบบมากขึ้น แผนเดียวกันเลยออกมาได้สองหน้าเสมอ คือเวลาทีมมีบอลกับไม่มีบอล หลายทีมบอกว่าใช้แผน 4-3-3 แต่พอครองบอลจริง โครงในสนามจะกลายเป็น 3-2-5 หรือ 2-3-5 ตามการขยับของฟูลแบ็กและมิดฟิลด์ จากยุคที่วิ่งเพรสบ้าคลั่งดั่งดนตรีเมทัล ตอนนี้เกมมีความเป็นแท็กติกมากขึ้น ตัวเลขของแผนเลยกลายเป็นแค่สารตั้งต้น ไม่ใช่คำอธิบายทั้งหมดของสิ่งที่เกิดขึ้นบนสนาม และนี่แหละคือการปรับแท็กติกระหว่างเกมของสองปรมาจารย์สาย 4-3-3 อย่าง Pep Guardiola กับ Jürgen Klopp

การปรับแท็กติกระหว่างเกม จาก 4-3-3 เป็น 3-2-5 ในการแข่งขันจริง

การปรับแท็กติกระหว่างเกม จาก 4-3-3 เป็น 3-2-5 ในการแข่งขันจริง

จาก 4-3-3 กลายเป็นโครง 3-2-5 ได้แบบเนียนๆ โดยแทบไม่ต้องเปลี่ยนตัว และไม่เสียสมูทของเกม อย่าง Manchester City ของ Guardiola ตั้งต้นด้วย 4-3-3 แต่พอได้ครองบอล แบ็กขวาจะหุบเข้ากลาง กลายเป็น 3-2-4-1 หรือ 3-5-2 เพื่อเพิ่มจำนวนในแดนกลาง ส่วน Liverpool ของ Klopp เน้นให้ทั้งทีมขยับไลน์พร้อมกัน พอเสียบอลก็เพรสเอาคืนทันที และถ้าตัดบอลได้ก็จะเปลี่ยนสปีดบุกสวนกลับอย่างรวดเร็วทันทีเช่นเดียวกัน ซึ่งการใช้แผนดังกล่าว ส่งผลลัพธ์ต่อ ผลบอลพรีเมียร์ลีก ได้อย่างมาก และอาจจะไปไกลถึงการลุ้นแชมป์ในซีซั่นได้เลยครับ

สรุป

ท้ายที่สุดแล้ว ยุทธวิธีทีมยอดนิยมในพรีเมียร์ลีกไม่ใช่สูตรสำเร็จตายตัว หรือแผนที่ต้องใช้ให้เหมือนกันทุกทีม แต่มันคือกลเม็ดและวิธีคิดของโค้ชแต่ละคน ที่ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านการยืนตำแหน่ง การเคลื่อนที่ และการปรับรูปแบบตลอดทั้งเกม จากยุคบอลโยนยาววิ่งสู้ฟัด มาสู่ยุคที่ทีมต้องเน้นการครองบอล คุมพื้นที่เป็น และรู้จักเปลี่ยนแผนหน้างานเพื่อแก้เกมระหว่างแมตช์ ทุกวันนี้เราจะไม่ได้ดูแค่ผลการแข่งขันอย่างเดียวอีกต่อไป แต่เริ่มมองออกแล้วว่าทีมกำลังพยายามทำอะไรบนสนาม และถ้าคุณพอเข้าใจแท็กติกเหล่านี้ เกมพรีเมียร์ลีกก็จะสนุกขึ้นไปอีกระดับแน่นอน ขอรับประกันครับ

ถ้าคุณอยากรู้ทั้งผลบอล พร้อมแท็กติก ไม่พลาดแมตซ์สำคัญ ไม่ตกเทรนด์ข่าวฟุตบอล scorefootball คือคำตอบที่จบที่สุดในตอนนี้ ใช้งานฟรีเพียงแค่เสิร์ชค้นหาก็ใช้ได้เลย

Scorefootball เป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับกีฬาฟุตบอล การแข่งขันทุกลีค ให้บริการทั้ง ผลบอลสด ดูบอลสด ไฮไลท์บอล และทีเด็ดบอล สามารถเช็คผลบอลสดวันนี้ และอัตราต่อรอง แสดงผลเป็นตารางพร้อมภาษาไทย เช็คง่าย พร้อมให้บริการดูบอลสดออนไลน์ แบบ Full HD คมชัด ไม่มีกระตุก และยังมีไฮไลท์บอล ครบทุกลีค อีกทั้งยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับทีเด็ดบอล เทคนิควิเคราะห์ผลบอลครบทุกคู่ ทุกการแข่งขัน การันตีแม่นทุกคู่

 

Copyright scorefootball © 2025 สงวนลิขสิทธิ์