5 สิ่งที่เราได้เรียนรู้จาก เอล กลาซิโก้ สุดมันส์และมีความหมายในครั้งนี้

#SSxLaLiga | บาร์เซโลน่า เดินหน้าเข้าใกล้การคว้าแชมป์ลาลีกา ฤดูกาล 2024/25 ไปอีกขั้น หลังเอาชนะ เรอัล มาดริด 4-3 ที่สนามเอสตาดี้ โอลิมปิก ยูอิส กุมปัญส์

เอล กลาซิโก้ นัดสุดท้ายของฤดูกาล 2024/25 สมศักดิ์ศรีสมความคาดหวัง เมื่อ บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด เปิดศึกสุดมันส์และยิงรวมกันถึง 7 ประตู

คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงให้ทีมเยือนนำก่อนถึง 2 ประตูภายใน 15 นาทีแรก แต่ บาร์ซ่า ก็ไม่ยอมง่ายๆ ยิงคืน 4 ประตูรวดก่อนจบครึ่งแรก จาก เอริค การ์เซีย, ลามีน ยามาล และ ราฟินญ่า ที่ซัดคนเดียว 2 ประตู แม้ว่าในครึ่งหลัง เอ็มบัปเป้ จะทำแฮตทริกได้สำเร็จ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ราชันชุดขาวเก็บแต้มกลับบ้าน

นี่คือนัดที่แฟนบอลจะจดจำไปอีกนาน และเป็นเกมที่มอบบทเรียนสำคัญหลายอย่างให้กับเรา ซึ่งนี่คือ 5 สิ่งที่เราได้เรียนรู้จาก เอล กลาซิโก้ ในครั้งนี้

บาร์เซโลน่า สามารถการันตีแชมป์ลาลีกา ได้ในนัดที่ 36

หนึ่งในบทสรุปที่สำคัญที่สุดจาก เอล กลาซิโก้ นัดนี้ก็คือผลกระทบต่ออันดับในตารางคะแนนลาลีกา โดยทีมของ ฮันซี่ ฟลิค ขยับขึ้นนำ เรอัล มาดริด ถึง 7 คะแนน ขณะที่เหลือการแข่งขันอีกเพียง 3 นัดเท่านั้น

ด้วยสถานการณ์นี้ บาร์เซโลน่า มีโอกาสการันตีแชมป์ได้อย่างเป็นทางการใน กลางสัปดาห์นี้ ซึ่งตรงกับนัดที่ 36 ของฤดูกาล โดยพวกเขาจะคว้าแชมป์ทันทีหาก เรอัล มาดริด สะดุดในเกมเปิดบ้านพบ มายอร์ก้า ในคืนวันพุธ หรือหาก บาร์ซ่า บุกไปชนะ เอสปันญอล ในวันพฤหัสบดี ได้สำเร็จ

เอล กลาซิโก้ เริ่มเหวี่ยงมาเข้าทาง บาร์เซโลน่า

นี่คือ เอล กลาซิโก้ นัดที่ 4 ของฤดูกาล 2024/25 และ บาร์เซโลน่า เอาชนะได้ทั้ง 4 นัด แบบไร้ข้อกังขา ฮันซี่ ฟลิค กุนซือชาวเยอรมันมีสถิติชนะ 100% เหนือ เรอัล มาดริด นับตั้งแต่ย้ายมาคุมทีมในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และถือเป็นการพลิกกระแสความได้เปรียบในศึกแห่งศักดิ์ศรีนี้มาอยู่ฝั่งเจ้าบุญทุ่มอย่างชัดเจน

ชัยชนะ 4 นัดรวดของ บาร์ซ่า ในฤดูกาลนี้ เกิดขึ้น หลังจากแพ้ มาดริด มา 4 นัดติด ในช่วงก่อนหน้า นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่แฟนบาร์เซโลน่าทั่วโลกต่างพากันฉลองอย่างสุดเหวี่ยง

ลูกปั่นด้วยเท้าซ้ายของ ลามีน ยามาล ยากที่จะหยุดได้

แม้ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ จะทำแฮตทริก และ ราฟินญ่า จะยิงได้ 2 ประตู แต่หนึ่งในนักเตะที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดหลังจบเกมก็คือ ลามีน ยามาล ดาวรุ่งวัย 17 ปีที่โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นอีกครั้งในเกมใหญ่

เจ้าหนูจากลามาเซียยิงประตูตีเสมอ 2-2 ให้ บาร์ซ่า ในครึ่งแรก และนั่นคือ ประตูที่ 3 ของเขาใน เอล กลาซิโก้ ฤดูกาลนี้

ยามาล ในวัยเพียงเท่านี้กลับมีซิกเนเจอร์เป็นของตัวเองเรียบร้อยแล้ว นั่นคือ การปั่นด้วยเท้าซ้ายจากฝั่งขวาของกรอบเขตโทษเข้ามุมไกล ซึ่งเป็นลูกยิงที่เจ้าตัวใช้ทำประตูอยู่บ่อยครั้ง ในจังหวะที่เขาล็อกบอลเข้าเท้าซ้ายเพื่อเตรียมยิงในเกมนี้ แฟนบอลหลายคนในสนามแทบจะรู้ทันทีว่าลูกบอลกำลังมุดหายเข้าไปกองในตาข่ายอีกครั้ง

เอ็มบัปเป้ ขึ้นแท่นเต็งคว้ารางวัลปิชิชี่

แม้ผลการแข่งขันจะจบลงเหมือนนัดชิงฟุตบอลโลก 2022 ที่ เอ็มบัปเป้ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมแต่ทีมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ทว่าในระดับส่วนตัว กองหน้าชาวฝรั่งเศสยังคงโชว์ฟอร์มเฉียบ ด้วยการซัดแฮตทริกใน เอล กลาซิโก้ ครั้งนี้

จาก 3 ประตูในเกมนี้ ทำให้ เอ็มบัปเป้ ขึ้นนำเป็นดาวซัลโวของ ลาลีกา โดยยิงไปแล้ว 27 ประตู แซงหน้า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ของ บาร์เซโลน่า ที่ตามอยู่ 2 ประตู และยังประสบปัญหาอาการบาดเจ็บในช่วงหลัง

เหลือการแข่งขันอีก 3 นัดในฤดูกาลนี้ และ เอ็มบัปเป้ ก็มีโอกาสดีที่จะบวกสกอร์เพิ่ม เพื่อลุ้นคว้า ถ้วยปิชิชี่ (รางวัลดาวซัลโวสูงสุด) มาครองตั้งแต่ปีแรกที่ย้ายมาค้าแข้งในสเปน

การคัมแบ็คกลายเป็นเรื่องปกติของ บาร์ซ่า ชุดนี้

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในฤดูกาลนี้ที่ บาร์เซโลน่า พลิกสถานการณ์กลับมาชนะหลังจากเป็นฝ่ายตามหลัง ความสามารถในการคัมแบ็กดูจะกลายเป็นหนึ่งใน จุดแข็งของทีมชุดนี้ ไปแล้ว

ในฤดูกาลนี้ บาร์ซ่า สามารถเอาชนะได้ถึง 3 จาก 4 นัดใน เอล กลาซิโก้ ทั้งที่โดนนำก่อนในบางช่วงของเกม และในศึก ลาลีกา โดยรวม พวกเขา คว้าชัยได้ถึง 6 นัดหลังจากตกเป็นฝ่ายตามหลัง ซึ่งเทียบเท่ากับ แอตเลติโก้ มาดริด ในฐานะทีมที่มีการคัมแบ็คมากที่สุดในลีกฤดูกาลนี้

ความมุ่งมั่นและความเชื่อของนักเตะชุดนี้ ทำให้ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์ยากแค่ไหน พวกเขาก็พร้อมกลับมายืนหยัดได้เสมอ