ใช้หัวล่างนำทาง : อดีตแข้งเยอรมนี ชวดแชมป์ “ฟุตบอลโลก 2014” เพราะแอบนัดหญิงจ้ำจี้ที่โรงแรม

17 ต.ค. 2567 เวลา 04:07

บางครั้งคนเราก็พลาดหวังสิ่งดีๆ เพราะวาสนาไม่ถึง แต่ในบางครั้งคนเราก็พลาดสิ่งดีๆ ที่แวะเวียนมาครั้งเดียวในชีวิต เพราะการกระทำของตัวเองล้วนๆ อย่างในรายของ “มักซ์ ครูเซ” อดีตแข้งชาวเยอรมนี ที่พลาดโอกาสอยู่ในทัพ “อินทรีเหล็ก” ทีมชาติเยอรมนี ชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 เพราะถูกจับได้ว่าแอบจัดแมตช์กระชับมิตรกับหญิงสาวรายหนึ่งที่โรงแรมระหว่างเก็บตัว

มักซ์ ครูเซ วัย 36 ปี ที่ปัจจุบันเลิกเล่นไปแล้ว ผ่านการลงสนามให้กับหลายสโมสรไป 558 นัด ยิงได้ 162 ประตู กับอีก 134 แอสซิสต์ ขณะที่ในนาม “อินทรีเหล็ก” ทีมชาติเยอรมนี 14 นัด ยิงได้ 4 ประตู กับอีก 7 แอสซิสต์ ซึ่งผลงานทั้ง 2 บทบาทนี้ ถือว่ายอดเยี่ยมมากๆ สำหรับนักฟุตบอลคนหนึ่งในฐานะกองหน้า

ตลอดเส้นทางการค้าแข้งให้กับสโมสร มักซ์ ครูเซ เคยคว้ามาได้แค่ 2 แชมป์ และไม่ได้เป็นแชมป์ระดับเมเจอร์อย่างแชมป์ลีกหรือในรายการหลักๆ ของทวีปยุโรป แต่ในระหว่างเส้นทางการค้าแข้งนั้น ตัวเขามีโอกาสที่จะลุ้นคว้าแชมป์รายการฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างฟุตบอลโลก ในปี 2014 (ครั้งที่ 20) ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศบราซิล ระหว่างวันที่ 13 มิถุนายน – 13 กรกฎาคม

ย้อนกลับไปในปี 2013 ถือเป็นช่วงอันหอมหวานสำหรับ มักซ์ ครูเซ เพราะตัวเขาที่เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติเยอรมนีทุกชุด ไล่มาตั้งแต่ทีมเยาวชน จนกระทั่งได้รับโอกาสจาก โยอาคิม เลิฟ เทรนเนอร์ของทัพอินทรีเหล็กในเวลานี้ เรียกตัวมารับใช้ชาติชุดใหญ่ ซึ่งเส้นทางของตัวเขาดูเหมือนว่ากำลังไปได้สวย แต่ทว่า Honeymoon Phase หรือช่วงเวลาแห่งความหวานชื่น ต้องจบลงอย่างที่คนทั่วไปและตัวเขาคาดไม่ถึง

เนื่องจากในปี 2013 ดังกล่าวข้างต้น มักซ์ ครูเซ มีชื่อติดไปกับทีมที่มีคิวไปเยือน “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ในวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่สนามเวมบลีย์ ที่เกมนั้น “อินทรีเหล็ก” ทีมชาติเยอรมนี บุกไปเอาชนะได้ 1-0 ความซวยก็มาเยือนตัวเขาจากสิ่งที่ก่อเอาไว้เอง เพราะถูกจับได้ว่าแอบพาผู้หญิงมาบนห้องพัก

ซึ่งตอนนั้น ฮันซี ฟลิค ที่เป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมในตอนนั้น และ โอลิเวอร์ เบียร์ฮอฟฟ์ ผู้ประสานงานของทีม เข้ามาเห็นดาวยิงรายนี้ อยู่กับหญิงสาวนิรนามรายหนึ่ง คาตาทั้งสองข้าง จนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต และนับตั้งแต่นั้น มักซ์ ครูเซ ก็ไม่เคยได้รับการเหลียวแลในการถูกเรียกตัวรับใช้ชาติอีกเลย

นั่นทำให้ มักซ์ ครูเซ ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมในการไปลุยฟุตบอลโลก 2014 และมันกลายเป็นตราบาปแห่งความเสียดายและเสียใจไปตลอดชีวิตของตัวเขาแน่ เพราะก้าวขึ้นไปถึงตำแหน่งแชมป์ จากการเอาชนะ “ฟ้าขาว” ทีมชาติอาร์เจนตินา ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0 จากประตูชัยของ มาริโอ เกิทเซ ต่อหน้าคนดู 74,738 คน ที่สนามมารากานัง ในริโอ เด จาเนโร ประเทศบราซิล

เรื่องนี้ มักซ์ ครูเซ ออกมาเปิดเผยด้วยตัวเองในภายหลังว่า ตอนนั้นผมเล่นโป๊กเกอร์อยู่ที่โรงแรม บรรยากาศตอนนั้นมันยอดเยี่ยมมากๆ และ ผ่อนคลายสุดๆ ระหว่างนั้นมีคนแถวนั้นพูดขึ้นมาว่า ทำไมนายไม่ลงไปเรียกผู้หญิงขึ้นมาบนห้องนายล่ะ มันคงจะยอดเยี่ยมแน่ๆ เลย ผมคิดว่านี่คือไอเดียที่ดี ผมจึงกลับมาที่ห้องพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมชวนเธอมา 

บอกตามตรงตอนนั้นผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก แต่สุดท้ายเราทั้งสองคน ก็เข้าไปในห้องพักด้วยกัน ผม และ เธอ คุยกันได้ราวๆ 5 นาที จากนั้นมีคนมาเคาะประตูห้อง ซึ่งคนๆ นั้นคือ ฮันซี ฟลิค ผู้ช่วยผู้จัดการทีม และยังมีผู้ประสานงานของทีมอย่าง โอลิเวอร์ เบียร์ฮอฟฟ์ ด้วย พวกเขาทั้งสองคนบอกให้ผมพาเธอกลับไป

ตอนนั้นผมคิดว่าตัวเองซวยแล้ว เพราะพวกเขาบอกผมว่าเรามีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกันในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น ใช่ ตอนนั้นผมกำลังเครียด แต่ในหัวก็คิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าผมเปิดห้องพักให้เธออีกห้อง ไม่ใช่การที่เธอมาหาผมแบบนี้ บางทีผมก็อาจจะไม่ซวยก็ได้ ผมน่าจะคิดให้รอบคอบกว่านั้น

โยอาคิม เลิฟ บอกกับผมว่า เขาชอบผมมากๆ จากผลงานในสนาม แต่คุณทำเรื่องที่ไม่ดีแบบนี้ และยิ่งถ้าเรื่องมันหลุดออกไป ทีมจะเสียหายแค่ไหน คุณไม่สามารถที่จะทำอะไรแบบนี้ได้เลยเมื่ออยู่ในระหว่างการรับใช้ชาติ ผมต้องการให้คุณโฟกัสแค่เรื่องในสนาม ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่ได้ไปเป็นส่วนหนึ่งในการไปลุย ฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย

ประโยคสุดท้ายที่โค้ชบอก ทำให้ผมยังเชื่อว่าตัวเองจะยังคงได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอยู่ นั่นทำให้ตลอดระยะเวลาหลังจากนั้น จนถึงช่วงประกาศรายชื่อ ผมคิดว่าตัวผมเองทำตัวดีมาตลอด ไม่ได้ออกนอกลู่นอกทางเหมือนครั้งนั้น แต่สุดท้ายแล้วเมื่อตอนที่มีการประกาศรายชื่อออกมา ผมช็อกมากๆ เพราะผมถูกตัดชื่อ ถ้าผมได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม ผมจะได้เหรียญแชมป์ฟุตบอลโลกไปแล้ว

จากคำพูดของ มักซ์ ครูเซ สะท้อนให้เห็นว่า ตัวเขายังคงจำเรื่องราวสุดเจ็บปวดนี้ไว้ได้อย่างดี ชนิดที่ฝังใจสุดๆ กับการพลาดการมีส่วนร่วมคว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก 2014 เพราะนี่คือจุดสูงสุดของนักเตะทุกคนทั้งโลก ที่ล้วนถวิลหา ต้องการเชยชม และชูถ้วยแชมป์ ฟุตบอลโลก เหนือศีรษะ ให้ได้สักครั้งในชีวิต และถ้าคนที่มีโอกาสนั้น แต่กลับโยนโอกาสนั้นทิ้งด้วยความผิดพลาดของตัวเองที่ก่อขึ้นมาล้วนๆ บางทีอาจจดจำไปจนกว่าจะลมหายใจจะสิ้นสุดเลยก็เป็นได้

บทความที่แนะนำ
ดิแอธเลติกมาเอง!ยก'เทรนท์'เป้าหลักราชัน
17 ต.ค. 2567
อ่านต่อ...
หน้าเป้าตกงาน! ‘โทนี่’ หยอก ‘เป๊ป’ ทำลายฟุตบอล
17 ต.ค. 2567
อ่านต่อ...
ราชันตามฟอร์ม'ปาซ'ไม่ห่างตา
17 ต.ค. 2567
อ่านต่อ...