“เสธ.หมึก”ออกตัวพร้อมสู้คนอื่นไม่ได้ชิง “ปธ.อลป.”แต่เปิดกว้างทำงานกับทุกคน

พล.อ.เดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ยอมรับว่า ตนเองอาจจะมีความพร้อมสู้ตัวเต็งคนอื่นๆไม่ได้ ในการชิงชัยตำแหน่งประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในช่วงเดือนมีนาคม ปีพ.ศ. 2568

คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย จะเลือกตั้ง ประธาน และคณะกรรมการชุดใหม่ ในเดือนมีนาคม 2568 หลังจากที่คณะกรรมการชุดเก่าหมดวาระลง หลังจบมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อเดือนส.ค. 67 ที่ผ่านมา

ประธานโอลิมปิคฯ คนปัจจุบันคือ “บิ๊กป้อม” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน ในการเลือก เมื่อปี 2564 โดยมี “เสธ.น้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นเลขาธิการฯ

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การเลือกประธานโอลิมปิคฯครั้งนี้ จะมีบุคคลสำคัญระดับคีย์แมนในวงการกีฬาไทย ร่วมลงชิงชัยหลายคนทั้ง คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันฯ และกรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ สมาคม IOC และ “บิ๊กเอ” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมเทควันโดฯ รวมถึง พล.อ.เดชา ด้วย

ขณะที่ “บิ๊กป้อม” นั้น หลังจากที่ชวดนั่งตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทย สมัยที่ 3 เพราะแพ้ต่อ พลโทบุญชัย เกษตรตระการ รองจเรกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร 22-231 เสียง ในการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 67 ก็ยังมีความพยายามที่จะลงรับสมัคร โดยได้เชิญคณะกรรมการบริหารโอลิมปิคฯประชุมด่วน เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 67 ทำให้ พล.อ.ประวิตร ยังมีโอกาสเป็นประธานโอลิมปิคฯได้อีกสมัยเช่นกัน

ล่าสุด พล.อ.เดชา เปิดเผยกับทีมข่าวกีฬาเดลินิวส์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าคนที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานโอลิมปิคฯนั้นจะต้องมีความพร้อมทุกด้าน โดยเฉพาะด้านการเงิน ซึ่งในจุดนี้ ยอมรับว่าตนเองยังเป็นรองคนอื่นๆ แต่สิ่งที่ตนเองมีก็คือความจริงใจ โปร่งใส ตรวจสอบได้ และประสบการณ์ การทุ่มเททำงานหนัก ตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงานด้านกีฬา อย่างที่ทุกคนคงจะได้เห็นแล้วในการพยายามเดินหน้าพัฒนาสมาคมจักรยานฯไปมาไกลได้จนถึงจุดนี้

ส่วนประเด็นเรื่องที่เป็นทหารเช่นเดียวกับ พล.อ.ประวิตร ทำให้มีคนบอกว่าเป็นแต้มต่อเหนือกว่าคนอื่นนั้น “เสธ.หมึก” เปิดเผยว่า แท้จริงแล้วตนเองถือเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ “บิ๊กป้อม” เพราะท่านเคยเป็นทั้ง ผู้บัญชาการทหารบก และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจึงถือเป็นนายโดยตรง ดังนั้นจึงต้องมีเรื่องการให้เกียรติผู้บังคับบัญชาอยู่บ้างด้วย แม้ว่าจะเกษียรอายุราชการกันทั้งคู่แล้วก็ตาม เรื่องการเป็นทหารจึงไม่ใช่ข้อได้เปรียบสำหรับตนเอง

พล.อ.เดชา เผยต่อไปว่า สถานะของตนเองตอนนี้คืออยู่ตรงกลาง ยังไม่คิดถึงการนั่งตำแหน่งประธานโอลิมปิคฯ แต่ก็พร้อมจะทำงานหนักต่อไป และพร้อมร่วมมือกับทุกฝ่าย ถ้าหากมีใครหยิบยื่นโอกาสมาให้ก็พร้อมพิจารณา และเดินหน้าทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่เพื่อผลประโยชน์ของวงการกีฬาบ้านเรา.