อนาคตของ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเป็นอย่างไร หลังหมดยุค “เอริค เทน ฮาก” ?

แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่อันดับ 14 ของพรีเมียร์ลีก เตะ 9 นัด มี 11 คะแนน เป็นการออกสตาร์ทแย่ที่สุดอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร

มีเพียงฤดูกาล 2019-20 ที่เริ่มต้นได้แย่กว่า เพราะพวกเขาเก็บได้แค่ 10 คะแนน จาก 9 เกม

ตอนนี้ มีเพียง คริสตัล พาเลซ และ เซาแธมป์ตัน ที่ยิงประตูได้น้อยกว่า 8 ลูกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยิงได้

ครั้งสุดท้าย ที่ผีแดงยิงได้ 8 ลูกจาก 9 เกมแรก คือฤดูกาล 1973-74 ซึ่งพวกเขาตกชั้น

ดูคร่าวๆแค่นี้ ไม่ต้องไปวิเคราะห์เชิงลึกอะไรมาก ก็คงเห็นได้ชัดว่า ทำไม แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องปลด เอริค เทน ฮาก แม้ว่าเขาจะพาทีมคว้าแชมป์ 2 รายการ ใน 2 ปีที่อยู่กับทีม

หลังจากที่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือไป เทน ฮาก คือกุนซือที่ใช้เงินซื้อนักเตะเยอะที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด และมันสูงถึง 564 ล้านปอนด์

รองลงมาคือ โอเล กุนนาร์ โซลชา 400, โฮเซ มูรินโญ 374, หลุยส์ ฟาน กัล 272 และน่าสงสารที่สุดคือ เดวิด มอยส์ แค่ 59 ล้านปอนด์

ใช้เงินเยอะไม่เท่าไหร่ ถ้ามันแลกมาด้วยของแบรนด์เนม แต่มรดกที่ เทน ฮาก ทิ้งไว้ให้กุนซือคนต่อไปคือนักเตะอย่างเช่น อันโตนี (85 ล้าน), คาเซมีโร (60 ล้าน), เมสัน เมาท์ (55 ล้าน), โจชัว เซิร์กเซ (37 ล้าน), เลนี โยโร (55 ล้าน) หรือกระทั่ง มาไธส์ เดอ ลิกต์ (40 ล้าน)

นักเตะที่ยกมา ไม่ใช่ไม่ดี แต่ละคนล้วนถูกคัดเลือกมาแล้วอย่างพิถีพิถัน แต่คนที่ซื้อพวกเขามาคือ เทน ฮาก หมายความว่า พวกเขาควรจะเล่นได้ดีที่สุดในยุคของ เทน ฮาก

แต่ขนาด เทน ฮาก ยังทำให้พวกเขาเล่นดีไม่ได้ มันก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า กุนซือคนใหม่จะเข้ามาทำให้พวกเขากลับมาแจ้งเกิดได้

หรือกระทั่ง กุนซือคนใหม่ อาจจะเลือกเดินในแนวทางของตัวเอง เอานักเตะใหม่ที่เล่นได้ตามแผน และตัวเองต้องการเข้ามา ไม่ใช้พวกที่มีอยู่เลยก็เป็นได้

เท่ากับว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่หมด ออกตัวจากศูนย์อีกครั้ง หรืออาจจะติดลบ ต่ำกว่าศูนย์ด้วยซ้ำ

และสำหรับกุนซือคนใหม่ที่จะเข้ามา ก็จะต้องแบกรับความกดดันมหาศาลที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต

ไม่ว่ากุนซือคนใหม่จะเข้ามาเป็นใคร แต่เขาจะเจอกับงานที่ยากที่สุดงานหนึ่งในโลก และไม่มีทางเลือกอื่นเลย นอกจากพาทีมกลับมาผลงานให้ดี ถ้าผิดไปจากนี้ ไม่นานก็ต้องไป

ดูจากมรดกที่ เทน ฮาก ทิ้งไว้ให้ ไม่แน่ใจว่ากุนซือใหม่จะเลือกฝากความหวังไว้กับใครได้บ้าง จะมีใครกลับมาเกิดใหม่ได้หรือไม่ หรือต้องรื้อสร้างทีมกันใหม่หมด

ซึ่งนั่น แน่นอนว่า ต้องใช้ทั้งเวลา, เงินทอง และความอดทนอย่างมหาศาล

บอร์ดบริหารที่ดูแลเรื่องฟุตบอลของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยุคนี้ อยู่ภายใต้การนำของ เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ ที่เป็นนักธุรกิจเต็มตัว ทุกอย่างวัดที่ผลงาน ทำไม่ได้ตามเป้า ก็ต้องไป

ไหนจะแฟนบอลที่ด่าเช้าด่าเย็น แพ้ก็ด่า เล่นไม่ดีก็ด่า หรือกระทั่งชนะแต่เล่นไม่ดี ก็ยังด่า

ความกดดันจึงจะถาโถมเข้ามาใส่กุนซือใหม่ตั้งแต่วันแรก ลืมไปเลยเรื่องช่วงเวลาฮันนีมูน

ทุกเกมคือนรกที่พร้อมจะฉุดดึงวิญญาณออกจากร่าง ถ้าหาก ไม่เป็นไปตามเป้า เตรียมถูกจับมาขึงผืดแล้วเชือดประจานได้เลย

กุนซือคนต่อไปของ แมนฯ ยูไนเต็ด จึงสำคัญมาก และอาจเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสรไปได้เลย

ถ้าหากได้ดีก็ดีไป แต่ถ้าหากไม่ ก็ตัวใครตัวมัน!