กลายเป็นข่าวเซอร์ไพรส์แฟนบอลเมื่อ บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ประกาศคว้าลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ และนี่คือเรื่องน่ารู้ต่างๆ ที่เกี่ยวพันกัน
JAS ยืนยันว่าแต่เพียงผู้เดียวใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย กัมพูชา และลาว อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการถ่ายทอดสด รีรัน และไฮไลท์ ในฤดูกาลหน้าเป็นต้นไป
ราคาที่ต้องจ่ายเป็นค่าลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกและเอฟเอ คัพ 3 ฤดูกาล มูลค่า 7,975 ล้านบาท และอาจขยายเป็น 6 ฤดูกาล มูลค่า ประมาณ 19,167 ล้านบาท หาก FAPL แจ้งยืนยันภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2567 โดยบริษัทได้ชำระเงินมัดจำล่วงหน้าแล้ว 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นั่นหมายความว่าเบื้องต้น JAS ซื้อลิขสิทธิ์ 3 ฤดูกาลราคา 7,975 ล้านบาท
แฟนบอลดูได้ที่ไหน? JAS มีบริษัทย่อยคือ บริษัท แจส ทีวี จำกัด ให้บริการแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตทีวีภายใต้แบรนด์ 3BB GIGATV มีลูกค้ากว่า 600,000 ราย และมี บริษัท จัสมิน ซับมารีน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ที่ดำเนินการจัดหาและรวบรวมคอนเทนต์
แต่ทั้งนี้ JAS ต้องขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 โดยบริษัทได้กำหนดจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 ในวันที่ 7 มกราคม 2568
จากนั้น JAS และ FAPL จะต้องบรรลุข้อตกลงและลงนามในสัญญาฉบับสมบูรณ์ภายในวันที่ 15 มกราคม 2568 โดยผู้ชมในประเทศไทย ลาว และกัมพูชา จะได้รับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพอย่างเต็มรูปแบบผ่านช่องทางของ JAS ตั้งแต่ฤดูกาล 2025/26 เป็นต้นไป
ย้อนอดีต CTH อดีตผู้ชนะประมูลลิขสิทธิ์
ย้อนอดีตไปในปี 2555 บริษัท CTH นำโดยนายวิชัย ทองแตง เคยสร้างความฮือฮาแย่งลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีกมาจากกลุ่มทรูโดยชนะประมูลเป็นเงินมหาศาล 9,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมภาษีและค่าใช้จ่ายทั้งหมดตัวเลขอาจสูงถึง 10,000 ล้านบาท สูงกว่าครั้งก่อนหน้านั้นที่ทรูได้ไปในราคาไม่ถึง 2,000 ล้านบาท
ท่ามกลางความสงสัยว่าด้วยเม็ดเงินมหาศาลขนาดนั้น จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหรือไม่ เดิมที CTH หวังขยายฐานสมาชิกตลอด 3 ปีของการถือลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก ที่จำนวน 3 ล้านราย แต่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย คาดมีลูกค้าจากทุกแพลตฟอร์มสูงสุดราว 5 แสนราย
สุดท้ายคำตอบจึงได้ถูกเฉลยออกมา กระทั่งบริษัทได้ประกาศยกเลิกบริการเคเบิลทีวีไปเมื่อปี 2016 โดยพบว่าบริษัทและบริษัทในเครือต่างแบกหนี้หลังแอ่น
JAS บริษัทชื่อดังที่ไม่ธรรมดา
JAS ภายใต้การนำทัพของ “พิชญ์ โพธารามิก” ชื่อคุ้นหูชาวไทยเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งประมูลใบอนุญาต 4G คลื่นความถี่ย่าน 900 MHz และยอมให้คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ยึดเงินค้ำประกันเมื่อปี 2558
ครั้งนั้น JAS เคาะประมูลในล็อตที่ 1 ได้ในราคาสูงถึง 75,654 ล้านบาท แต่ปล่อยให้ยึดเงินค้ำประกัน 644 ล้านบาท หลังไม่สามารถหาเงินมาชำระค่าใบอนุญาตงวดแรก 8,040 ล้านบาท
แต่มีผู้ตั้งข้อสังเกตุถึงราคาหุ้น นับตั้งแต่เครือ JAS เดินหน้าขยายธุรกิจตั้งแต่การจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน และประกาศเข้าร่วมประมูลใบอนุญาต จนต่อเนื่องไปถึงการวิ่งหาแหล่งเงินและท้ายที่สุดคือไม่สามารถชำระเงินได้ ราคาหุ้น JAS เคยขึ้นไปสูงสุดถึง 6.00 บาท และต่ำสุดที่ระดับ 2.70 บาท เรียกว่าสร้างความผันผวนได้อย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างทำกำไรมหาศาล แต่บางรายก็เจ็บชนิดเจียนตาย
ทรู จะยังไงต่อ?
เป็นอีกครั้งที่ทรูต้องพ่ายแพ้ในการช่วงชิงลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก หลังจากเคยพ่ายแพ้ต่อ CTH กระทั่งกลับมาชนะในรอบล่าสุดซึ่งเชื่อว่าตัวเลขอยู่ในระดับหลายพันถึงเกือบหมื่นล้านบาท
คาดกันว่าทรูยอมถอยครั้งนี้ เพราะพิจารณาแล้วว่าเงินที่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ไม่สามารถหารายได้เข้ามาชดเชยได้เพียงพอ ยิ่งมีการทำแพคเกจราคาที่สูงขึ้นในปีสุดท้าย ก็กลายเป็นการโดนแฟนบอลโจมตีอย่างหนักหน่วง
มิหนำซ้ำประเทศไทยยังไม่สามารถแก้ปัญหาการลักลอบดูเถื่อนผ่านช่องต่างๆ ไม่ว่าทางโซเชียลมีเดียหรือช่องทางธรรมชาติ หรือระบบบอกรับสมาชิกที่ลักลอบสตรีมมิ่งแบบผิดกฎหมายได้อย่างเป็นรูปธรรม แม้มีข่าวการจับกุมเป็นระยะแต่ยังมีอีกหลายรายที่เปิดให้บริการโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย
ดังนั้นบางทีการเสียพรีเมียร์ลีกอาจไม่ใช่แง่ลบ แต่แง่บวกพวกเขาสามารถลดต้นทุนได้มหาศาล พวกเขายังมีลิขสิทธิ์ไทยลีก 1 , ไทยลีก 2, ฟุตบอลยุโรปลีกอื่นๆ และถ้วยต่างๆ รวมถึงกีฬาอื่นๆ ที่ไม่ต้องจ่ายเงินแพงจนต้องคิดหนักว่าทำยังไงถึงจะมีกำไร
งานหนักของ JAS
ดังนั้น JAS จะเจอการบ้านสำคัญว่าจะทำอย่างไรให้การทุ่มเงินของพวกเขาประสบความสำเร็จ
ทั้งในแง่การเพิ่มยอดสมาชิกจะทำได้จริงหรือไม่ จะทำอย่างไรให้แฟนบอลที่ชินกับการดูเถื่อนหันไปยอมจ่ายเงินซื้อดูอย่างถูกต้อง
จะทำอย่างไรก็กับคุณภาพการถ่ายทอดสดที่อันดับแรกคือห้าม “ล่ม” เด็ดขาดในเวลาถ่ายทอดสด ต้องห้ามดีเลย์ ห้ามไม่เสถียร ห้ามภาพไม่ชัด
จะทำอย่างไรกับค่าบริการที่ถ้าแพงไปแฟนบอลจะหาย หรือถ้าถูกไป แต่บริษัทอาจไม่สามารถทำกำไร
การซื้่อลิขสิทธิ์ได้เพิ่งเป็นความสำเร็จแค่ยกแรกเท่านั้น
Scorefootball เป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับกีฬาฟุตบอล การแข่งขันทุกลีค ให้บริการทั้ง ผลบอลสด ดูบอลสด ไฮไลท์บอล และทีเด็ดบอล สามารถเช็คผลบอลสดวันนี้ และอัตราต่อรอง แสดงผลเป็นตารางพร้อมภาษาไทย เช็คง่าย พร้อมให้บริการดูบอลสดออนไลน์ แบบ Full HD คมชัด ไม่มีกระตุก และยังมีไฮไลท์บอล ครบทุกลีค อีกทั้งยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับทีเด็ดบอล เทคนิควิเคราะห์ผลบอลครบทุกคู่ ทุกการแข่งขัน การันตีแม่นทุกคู่
Copyright scorefootball © 2024. สงวนลิขสิทธิ์.