ถูกใจไหม! ผ่าฟอร์มช้างศึก ส่งดาวรุ่งเทสต์แข้งเจ๊าเลบานอน

แม้อันดับโลกของเลบานอนจะต่ำกว่าไทยเยอะ แต่วัดกันตามหน้าเสื่้อ ถึง ช้างศึก ใช้ทัพใหญ่ ก็ไม่แน่ว่าจะกดลง

ไลน์อัพ 11 คนแรกของทีมชาติไทย ในชุดที่ขาดตัวหลักหลายคน มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าโค้ช วางระบบเป็นโครงไว้ 4-2-3-1

ผู้รักษาประตู : สรานนท์ อนุอินทร์/เซ็นตอร์ : เอเลียส ดอเลาะ, ศฤงคาร พรมสุภะ/แบ๊กซ้าย : ทิตาธร อักษรศรี/แบ๊กขวา : นิติพงษ์ เสลานนท์/กองกลาง : พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, อัครพงศ์ พุ่มวิเศษ/กลางรุก : วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ/ริมเส้นซ้าย : อนันต์ ยอดสังวาลย์/ขวา : พันธมิตร ประพันธ์/กองหน้า : ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา

นิโคลัส มิคเกลสัน มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย เลยเก็บไว้ก่อน

ชุดนี้ ถ้าจะจิ้มชื่อที่เป็นทีมชาติชุดใหญ่มาก่อน จะมี สรานนท์, เอเลียส, นิติพงษ์, พีรดนย์, วรชิต, ศุภณัฏฐ์ ขณะที่ อนันต์ หลังๆ ก็เริ่มมีโอกาส

ศฤงคาร, ทิตาธร กลับสู่การเล่นทีมชาติอีกครั้ง ขณะที่ พันธมิตร จากพีที ประจวบ ใหม่ๆ ซิงๆ ในวัย 21 ปี

จะบอกว่า หน้าใหม่-หน้าเก่า ครึ่ง-ครึ่ง ก็ได้ประมาณนั้น

ส่วน เลบานอน มี บาสเซล จราดี ของ ทรู แบงค็อก แล้วยังมีที่เล่นยุโรปหลายคน

ครึ่งแรก เป็นเกมที่ค่อนข้างตื้อๆ เลบานอน สไตล์เขาอยู่แล้ว บอลอาหรับไม่หวือหวา เน้นชัวร์

ส่วนของไทย พยายามเล่นบอลเร็ว แต่ด้วยความที่มีหน้าใหม่ผสม จึงขาดๆ เกินๆ ไม่เป๊ะนัก

วรชิต นักเตะที่คนไทยอยากเห็นอะไรในทีมชาติมากกว่าที่ผ่านมา นัดนี้จริงๆ ต้องขึ้นมาเป็นแกนหลักเกมรุก แต่ไม่มีโอกาสได้บอลแบบหันหน้าเขาหาประตูมากนัก ขณะที่ พีรดนย์ ก็ไม่ได้ประสานงานเท่าที่ควร ส่วน อัครพงษ์ เน้นรับเป็นหลัก เหมือนๆ อดุล หละโสะ ในยุคก่อน

พันธมิตร ประพันธ์ น่าจะเป็นคนที่ถูกใจที่สุด กับความ “สู้” มีโอกาสโหม่งเหน่งๆ นาทีที่ 20 แต่ตรงตัวโกลเลบานอน ซึ่งลูกนี้มาจากเขาลุยมาเอง ก่อนบอลทะลักถึง อนันต์ หยอดเข้ามา

อีกครั้งนาทีที่ 37 พันธมิตร แทงให้ อัครพงษ์ ยิงช้อนใต้ลูก

นับเป็นความพยายาม ความตั้งใจที่ดี แต่ก็ยังไม่เนียน

ขณะที่อีกหนึ่งตัวเก่ง ศุภณัฏฐ์ โดดเดี่ยว แทบไม่ได้บอล นอกจากต้องลงมาล้วงเอง แล้วก็ใช้คลาสส่วนตัวโชว์ได้ ทว่าเมื่อห่างจากประตูคู่แข่ง ก็ลดความน่ากลัวอยู่แล้ว

ส่วนตำแหน่งอื่น เอเลียส, นิติพงษ์ ตามมาตรฐาน, ศฤงคาร ได้ลูกขยัน, “โชแปง” ทิตาธร ก็ไม่เสียหายอะไร

ครึ่งหลัง อิชิอิ ปรับเกมรุก ถอด อนันต์ ยอดสังวาลย์ กับ พันธมิตร ประพันธ์ แล้วส่ง รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก กับ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ลงแทน หวังให้เกมรุกกลมกล่อมขึ้น และช่วยกันส่งเสริม ศุภณัฏฐ์, วรชิต ให้มีพิษสงมากกว่าเดิมด้วย

ศุภณัฏฐ์ ถ่างไปทางซ้ายมากขึ้น, ธีรศักดิ์ เข้ากลาง ส่วน รุ่งรัฐ ไปขวา ประสานกับเพื่อนร่วมทีม นิติพงษ์

ความกลมกล่อมเริ่มแสดงให้เห็น นาทีที่ 58 นิติพงษ์ เล่นกับ รุ่งรัฐ ก่อน ธีรศักดิ์ ตอกส้นให้ รุ่งรัฐ ได้พื้นที่เยอะเลย แต่ยิงหลุดกรอบ และอีก 3 นาทีต่อมา เจ้าต้น-ธีรศักดิ์ ก็ได้ส่องด้วยซ้ายออกไป

ยังไม่ได้ประตู แต่เป็นสัญญาณดีในเกมรุก ไม่ตื้อเหมือน 45 นาทีแรก

พันธมิตร อาจเล่นถูกใจแฟนในครึ่งแรก แต่ความเก๋า และความเนียนของ รุ่งรัฐ ทำให้เกมดีขึ้นชัดเจน ทั้งทะลุทะลวง ลากกินแดน ครองบอล แถมยังเล่นกับรุ่นเก๋าเข้าขา

น่าเสียดายสำหรับ โชแปง ทิตาธร กำลังดีๆ เร่งฟอร์ม แต่เจ็บซะก่อน ถึงขั้นต้องลงเปลเปลี่ยนออก นาทีที่ 75

ศุภณัฏฐ์, อัครพงษ์ โดนถอดไปพักด้วย แล้วส่ง วันชัย จารุนงคราญ ที่ถูกเรียกตัวคนสุดท้ายมาเล่นแบ๊กซ้ายแทน ทิตาธร

ขณะที่ เอกนิษฐ์ ปัญญา รุกซ้าย กับ เสกสรรค์ ราตรี เล่นกลาง

เสกสรรค์ ที่ประเดิมทีมชาติเช่นกัน ก็ดูขยันดี มีจังหวะแย่งบอลคู่แข่ง กับส่องนอกกรอบเขตโทษ เรียกความมั่นใจ แต่เร่งไปหน่อย ข้ามคานเยอะ

ช้างศึกน่าจะจบแบบแฮปปี้ นาทีที่ 86 “เจ้าไช้” วันชัย หยอดให้ ธีรศักดิ์ โขก บอลตกใส่แขนขวาของ คาสเซม เอล ซาอิน ในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินไม่ให้จุดโทษ และเกมนี้ไม่มี VAR ถ้ามีก็ไม่น่าพลาด เพราะแขนไม่แนบลำตัว

จะว่าไปเกมนี้ ไทยมีโอกาสยิงไม่น้อย แต่งัดข้ามคาน เตะฟิลโกลกันไปหมด รวมทั้งฟรีคิกของ วรชิต ไม่ได้ลุ้นเลย

เล่นเกมใหญ่ๆ จะทิ้งโอกาสเยอะแบบนี้ไม่ได้นะ

ท้ายเกม วิลเลียม เวเดอร์เฌอ ได้ลงมาเติมสดในแดนกลางอีกคน เป็นการได้ลงเล่นทีมชาติต่อเนื่อง

จนแล้วจรรอด ก็ไม่มีประตู เสมอ 0-0 คนดูบอล ก็ค้างๆ คาๆ ไม่ได้สุด ไม่ได้เฮ

แต่ก็ถือว่าได้ทดสอบนักเตะหลายคนอยู่ ตามเป้าหมาย อิชิอิ ที่ดูว่า ใครจะเข้าระบบบ้าง

นัดหน้าเจอลาว วันที่ 17 พ.ย. คงมีหน้าใหม่อีกหลายราย

แต่เป้าหมายต้องเปลี่ยนไป ไม่ใช่ว่าดูแคลนคู่แข่ง แต่ต้องเป็นเกมที่เราต้องซ้อมเกมรุก และยิงให้มากที่สุด ก่อนเข้าสู่ทัวร์นาเมนท์ชิงแชมป์อาเซียนเดือนหน้า.